질문 เรื่องเล่า เรื่องบ้านยาย
페이지 정보
본문
บ้านยาย คือ สถานที่ที่ผมเคย วิ่งเล่นตอนวัยเด็ก ช่วงตอนสัก ประมาณ สี่ ห้า ขวบ
หลังจากนั้น ครอบครัวผมก็ย้ายตามพ่อ ที่ต้องไปรับราชการในอีกจังหวัดหนึ่ง
นานนานที แม่ถึงจะพากลับไปเยี่ยมยาย
พอตอนโตมาหน่อย ก็เห็นว่ายายอยู่กับน้าผู้หญิงที่บ้านเพียงสองคน
ทางผมไม่ค่อยสนิทกับทาง ญาติพี่น้องของแม่เท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่จะอยู่กับญาติของพ่อมากกว่า
เลยไม่ค่อยได้รู้ตื้นลึกหนาบางของผู้ใหญ่ฝั่งยายมากนัก
กระทั่ง ช่วงวัยทำงาน ยายก็เสีย แล้วครอบครัวผมก็แทบไม่ได้ไปแวะหาใครที่บ้านยายอีกเลย
จนพอผมได้ย้าย ไปทำงานที่จังหวัดที่บ้านเกิด แม่ก็บอกให้ผมไปพักที่บ้านยาย เพราะไม่มีใครอยู่ ตั้งแต่ยายเสีย
"หลังจากแบ่งมรดกให้ลูกทุกคนแล้ว"
"น้าๆเอ็งเขาก็ไปอยู่ตามที่ตามทาง ที่ยายแบ่งไว้ให้กันหมด"
เสียงแม่เล่าให้ฟังคร่าวๆ
แม่ผมได้ บ้านยายเป็นมรดกตกทอด เพราะเป็นพี่สาวคนโต
แต่แม่ก็ไม่เคยคิดจะไปอยู่ที่บ้านยายเลย ทิ้งร้างไว้หลายปี ร่วมๆจะสิบปีแล้วมั้ง
พอได้ยินแม่เล่าเรื่องแบ่งมรดก ผมก็เลยสงสัยอะไรบางอย่างขึ้น เลยถามแม่ไปว่า
"อ้าว แล้วยาย แกทำมาหากินอะไรมาก่อนอะแม่"
"ทำไมแกถึงมีที่มีทางเยอะจัง แบ่งให้ลูกๆตั้งหกคนแหน่ะ"
แล้วแม่ก็เล่าเรื่องยายให้ฟัง พอจะสรุปได้ดังนี้ครับ
สมัยยายสาวๆ ยายทำขนมไปขายในเมือง ก็ไปขายตามสถานีรถไฟ ตามแหล่งท่องเที่ยวอะไรอย่างนี้แหละ
สมัยก่อนไม่มีร้านขายหรอก
ยายก็ใช้วิธีเอาขนม ใส่ตระกล้าแล้วก็เดินหิ้วขายแถวนั้น เหนื่อยตรงไหนก็นั่งพัก มีแรงก็เดินขายใหม่
แล้วอยู่ๆ ก็มีหนุ่มคนหนึ่ง หน้าตาดี มาเหมาขนมยาย ทุกวันไม่ขาดเลย
จนยายก็แปลกใจ เลยต้องถามชื่อเขาไปว่าเป็นใคร ทำไมมาเหมาขนม ได้ทุกวันอย่างนี้
เขาก็บอกว่าเขาทำงานอยู่แถวนี้แหละ แต่ก็ไม่ได้บอกอะไรยายมาก
หลังจากคุยกันไม่กี่ครั้ง ชายหนุ่มคนนั้นก็ให้คนมาสู่ขอยาย
ยายตอนนั้นก็ยังเด็กมาก ไม่รู้จะตัดสินใจยังไงดี แต่แม่ของยาย ก็ดันยกให้เฉยเลย
แต่ด้วยความที่ ยายยังเด็กอยู่ ก็เลยแค่ทำพิธีหมั้นกันไว้ก่อน
แล้วยายก็ย้ายไปอยู่ที่บ้านของผู้ชายคนนั้น
ใช่ชีวิตอยู่ด้วยกันระยะหนึ่ง
วันหนึ่งยายก็ ร้องไห้ฟูมฟายกลับมาที่บ้าน บอกแต่ว่าไม่เอาแล้ว ขอเลิกกันดีกว่า
แม่ของยายก็ได้แต่ถามว่า เกิดอะไรขึ้น เขาตบเขาตีเอ็งหรือ มันเรื่องเป็นยังไง
แต่ยายก็ไม่เล่าอะไรให้ฟัง ได้แต่ร้องไห้แล้วก็เงียบ
หลังจากวันนั้น ชายหนุ่มก็มาตามหายายที่บ้าน มาง้อยายให้กลับไปอยู่ด้วยกัน
แม่ของยายก็เลยถามว่าเรื่องมันเป็นยังไง คุณตบคุณตีลูกสาวฉันหรือ มันถึงได้หอบเสื้อผ้าหนีมาแบบนี้
แล้วชายคนนั้นก็บอกว่า เขาเป็นคนจนๆ ที่ทาง ที่บ้านอาจจะคับแคบไปบ้าง ขออย่ารังเกลียดเขาเลย
พอแม่ของยายได้ฟังแบบนั้นก็ให้ชายคนนั้นกลับไปก่อน เดี๋ยวจะคุยกับลูกก่อน
พอแม่ของยายได้คุยกับยายสองต่อสอง ว่ารังเกลียดที่เขาจนหรือลูก คนเรายากดีมีจน ของแค่เป็นคนดี มันก็ควรจะให้โอกาสเขานะลูก
แล้วยายก็เล่าให้แม่ของยายฟังว่า
ยายไม่เคยคิดเรื่องที่เขาเป็นคนจนหรอก แต่เขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว
แล้วยาย ก็เอาจนหมายออกมาให้แม่ของยายดู
เป็นจดหมายของแม่ผู้ชายคนนั้นส่งมา แล้ว ยายก็ถือวิสาสะเปิดอ่านก่อน
ใจความจนหมายเขียนประมาณว่า
สิ้นเดือนนี้ให้กลับบ้านด้วย ไม่ใช่ว่าไปเจอสาวคนอื่นแล้วหละ อย่าให้แม่ต้องเสียหน้าไปโดนคู่หมั้นลูกถอนหงอกเอานะ
เขามาเฝ้าถามตลอดว่าเมื่อไหร่ ลูกจะกลับมา
พอได้อ่าน ยายก็รีบเก็บเสื้อผ้ามาเลย จดหมายนั่น ชายคนนั้นก็ยังไม่ได้อ่าน
พอแม่ของยายรู้ความจริง ก็ได้แต่ปลอบใจลูกสาวตัวเอง เรามันโดนเขาหลอกแล้วลูกเอ้ย.. ก็พากันร้องไห้
แล้วคืนนั้น ไฟก็ไหม้บ้านที่แม่กับยายอยู่ ต้องพากันขนข้าวขนของ หัวซุกหัวซุนกันจ้าละหวั่น
ที่สุดก็ได้แค่ เสื่อผืนหมอนใบกับเสื้อผ้าติดตัวมาไม่กี่ชิ้น
ไฟไหม้ครั้งนั้น เป็นไฟไหม้ครั้งใหญ่สุดของที่นั่นเลย
แม่ผมเล่าว่า ปัจจุบันตรงที่ถูกไฟไหม้ตรงนั้นก็กลายมาเป็นตลาดใหญ่จนถึงทุกวันนี้
พอไฟไหม้แล้ว ยายกับแม่ของยายก็พากันไปอยู่ที่บ้านญาติ ที่อยู่ในอีกหมู่บ้านหนึ่ง
แล้วก็ใช้ชีวิตหาเช้ากินค่ำกันอยู่พักใหญ่
ก็ได้ยินข่าวจากคนที่รู้จักกันบ้างว่า มีผู้ชายมาตามหายาย แทบทุกวันเลย
แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่ายาย ย้ายไปไหน
เพราะคนที่รู้จักยาย แถวนั้นก็ถูกไฟไหม้บ้านกันหมด ต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นกันหมดเลย
หลังจากนั้น ครอบครัวผมก็ย้ายตามพ่อ ที่ต้องไปรับราชการในอีกจังหวัดหนึ่ง
นานนานที แม่ถึงจะพากลับไปเยี่ยมยาย
พอตอนโตมาหน่อย ก็เห็นว่ายายอยู่กับน้าผู้หญิงที่บ้านเพียงสองคน
ทางผมไม่ค่อยสนิทกับทาง ญาติพี่น้องของแม่เท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่จะอยู่กับญาติของพ่อมากกว่า
เลยไม่ค่อยได้รู้ตื้นลึกหนาบางของผู้ใหญ่ฝั่งยายมากนัก
กระทั่ง ช่วงวัยทำงาน ยายก็เสีย แล้วครอบครัวผมก็แทบไม่ได้ไปแวะหาใครที่บ้านยายอีกเลย
จนพอผมได้ย้าย ไปทำงานที่จังหวัดที่บ้านเกิด แม่ก็บอกให้ผมไปพักที่บ้านยาย เพราะไม่มีใครอยู่ ตั้งแต่ยายเสีย
"หลังจากแบ่งมรดกให้ลูกทุกคนแล้ว"
"น้าๆเอ็งเขาก็ไปอยู่ตามที่ตามทาง ที่ยายแบ่งไว้ให้กันหมด"
เสียงแม่เล่าให้ฟังคร่าวๆ
แม่ผมได้ บ้านยายเป็นมรดกตกทอด เพราะเป็นพี่สาวคนโต
แต่แม่ก็ไม่เคยคิดจะไปอยู่ที่บ้านยายเลย ทิ้งร้างไว้หลายปี ร่วมๆจะสิบปีแล้วมั้ง
พอได้ยินแม่เล่าเรื่องแบ่งมรดก ผมก็เลยสงสัยอะไรบางอย่างขึ้น เลยถามแม่ไปว่า
"อ้าว แล้วยาย แกทำมาหากินอะไรมาก่อนอะแม่"
"ทำไมแกถึงมีที่มีทางเยอะจัง แบ่งให้ลูกๆตั้งหกคนแหน่ะ"
แล้วแม่ก็เล่าเรื่องยายให้ฟัง พอจะสรุปได้ดังนี้ครับ
สมัยยายสาวๆ ยายทำขนมไปขายในเมือง ก็ไปขายตามสถานีรถไฟ ตามแหล่งท่องเที่ยวอะไรอย่างนี้แหละ
สมัยก่อนไม่มีร้านขายหรอก
ยายก็ใช้วิธีเอาขนม ใส่ตระกล้าแล้วก็เดินหิ้วขายแถวนั้น เหนื่อยตรงไหนก็นั่งพัก มีแรงก็เดินขายใหม่
แล้วอยู่ๆ ก็มีหนุ่มคนหนึ่ง หน้าตาดี มาเหมาขนมยาย ทุกวันไม่ขาดเลย
จนยายก็แปลกใจ เลยต้องถามชื่อเขาไปว่าเป็นใคร ทำไมมาเหมาขนม ได้ทุกวันอย่างนี้
เขาก็บอกว่าเขาทำงานอยู่แถวนี้แหละ แต่ก็ไม่ได้บอกอะไรยายมาก
หลังจากคุยกันไม่กี่ครั้ง ชายหนุ่มคนนั้นก็ให้คนมาสู่ขอยาย
ยายตอนนั้นก็ยังเด็กมาก ไม่รู้จะตัดสินใจยังไงดี แต่แม่ของยาย ก็ดันยกให้เฉยเลย
แต่ด้วยความที่ ยายยังเด็กอยู่ ก็เลยแค่ทำพิธีหมั้นกันไว้ก่อน
แล้วยายก็ย้ายไปอยู่ที่บ้านของผู้ชายคนนั้น
ใช่ชีวิตอยู่ด้วยกันระยะหนึ่ง
วันหนึ่งยายก็ ร้องไห้ฟูมฟายกลับมาที่บ้าน บอกแต่ว่าไม่เอาแล้ว ขอเลิกกันดีกว่า
แม่ของยายก็ได้แต่ถามว่า เกิดอะไรขึ้น เขาตบเขาตีเอ็งหรือ มันเรื่องเป็นยังไง
แต่ยายก็ไม่เล่าอะไรให้ฟัง ได้แต่ร้องไห้แล้วก็เงียบ
หลังจากวันนั้น ชายหนุ่มก็มาตามหายายที่บ้าน มาง้อยายให้กลับไปอยู่ด้วยกัน
แม่ของยายก็เลยถามว่าเรื่องมันเป็นยังไง คุณตบคุณตีลูกสาวฉันหรือ มันถึงได้หอบเสื้อผ้าหนีมาแบบนี้
แล้วชายคนนั้นก็บอกว่า เขาเป็นคนจนๆ ที่ทาง ที่บ้านอาจจะคับแคบไปบ้าง ขออย่ารังเกลียดเขาเลย
พอแม่ของยายได้ฟังแบบนั้นก็ให้ชายคนนั้นกลับไปก่อน เดี๋ยวจะคุยกับลูกก่อน
พอแม่ของยายได้คุยกับยายสองต่อสอง ว่ารังเกลียดที่เขาจนหรือลูก คนเรายากดีมีจน ของแค่เป็นคนดี มันก็ควรจะให้โอกาสเขานะลูก
แล้วยายก็เล่าให้แม่ของยายฟังว่า
ยายไม่เคยคิดเรื่องที่เขาเป็นคนจนหรอก แต่เขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว
แล้วยาย ก็เอาจนหมายออกมาให้แม่ของยายดู
เป็นจดหมายของแม่ผู้ชายคนนั้นส่งมา แล้ว ยายก็ถือวิสาสะเปิดอ่านก่อน
ใจความจนหมายเขียนประมาณว่า
สิ้นเดือนนี้ให้กลับบ้านด้วย ไม่ใช่ว่าไปเจอสาวคนอื่นแล้วหละ อย่าให้แม่ต้องเสียหน้าไปโดนคู่หมั้นลูกถอนหงอกเอานะ
เขามาเฝ้าถามตลอดว่าเมื่อไหร่ ลูกจะกลับมา
พอได้อ่าน ยายก็รีบเก็บเสื้อผ้ามาเลย จดหมายนั่น ชายคนนั้นก็ยังไม่ได้อ่าน
พอแม่ของยายรู้ความจริง ก็ได้แต่ปลอบใจลูกสาวตัวเอง เรามันโดนเขาหลอกแล้วลูกเอ้ย.. ก็พากันร้องไห้
แล้วคืนนั้น ไฟก็ไหม้บ้านที่แม่กับยายอยู่ ต้องพากันขนข้าวขนของ หัวซุกหัวซุนกันจ้าละหวั่น
ที่สุดก็ได้แค่ เสื่อผืนหมอนใบกับเสื้อผ้าติดตัวมาไม่กี่ชิ้น
ไฟไหม้ครั้งนั้น เป็นไฟไหม้ครั้งใหญ่สุดของที่นั่นเลย
แม่ผมเล่าว่า ปัจจุบันตรงที่ถูกไฟไหม้ตรงนั้นก็กลายมาเป็นตลาดใหญ่จนถึงทุกวันนี้
พอไฟไหม้แล้ว ยายกับแม่ของยายก็พากันไปอยู่ที่บ้านญาติ ที่อยู่ในอีกหมู่บ้านหนึ่ง
แล้วก็ใช้ชีวิตหาเช้ากินค่ำกันอยู่พักใหญ่
ก็ได้ยินข่าวจากคนที่รู้จักกันบ้างว่า มีผู้ชายมาตามหายาย แทบทุกวันเลย
แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่ายาย ย้ายไปไหน
เพราะคนที่รู้จักยาย แถวนั้นก็ถูกไฟไหม้บ้านกันหมด ต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นกันหมดเลย
- 이전글เคยมั้ย "มีเซ็กส์กับสามีของเพื่อนที่สนิทที่สุด 23.07.03
- 다음글เรื่องที่ฉันทำกับพ่อ ผิดมากเลยหรอ? 23.07.03
댓글목록
등록된 댓글이 없습니다.